เนื่องจากได้อ่านงานวิจัยของ วารสารสุขภาพจิตแห่งชาติ ในประเด็นที่ว่า พื้นที่ที่พบความชุกของ “ประสบการณ์คล้ายโรคจิต” สูงที่สุดในประเทศไทย คือ ชายแดนใต้ และ อีสาน โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 18-24 ปีและคนว่างงาน

ผมจึง ตั้งสมมติฐานต่อว่า เมื่อเด็กเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ (Puberty)
แต่ถูกกักในระบบการศึกษาที่เน้นทฤษฎีล้วน
โดยขาดบทบาททางเศรษฐกิจ อาจจะยิ่งเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต

เนื่องจากไม่ใช่นักวิชาการ แต่มีพื้นที่ทำงานด้านอื่นๆเกี่ยวกับครอบครัว ความสัมพันธ์
จึงสนใจประเด็นนี้ และ ปรึกษาเพิ่มเติมกับ AI สองตัวอย่างจริงจังคือ
CHATGPT , DEEPSEEK  เพื่อให้หาความเป็นไปได้ของสุมมติฐานดังกล่าว
สิ่งต่องไปนี้คือ ข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติม


สมมติฐานของผม:  
วัยเจริญพันธุ์ (12-18 ปี) + ไม่มีบทบาททางเศรษฐกิจ + ระบบการศึกษาตัดขาดจากชีวิตจริง = ระเบิดเวลาสุขภาพจิต  


ข้อมูลเปรียบเทียบ  ร่องรอยสุขภาพจิต มัธยม เทียบกับ ปวส

กรมสุขภาพจิต (2566)

นักเรียน ม.ปลายสายสามัญ: มีอาการซึมเศร้า 32.1%

นักเรียน ปวส.: มีอาการซึมเศร้า 18.7%
→ ความต่าง 13.4%

TDRI (2565): ติดตามนักเรียน 2,000 คน 3 ปี

กลุ่มเห็น “ความหมายของการเรียน

ม.ปลาย สายสามัญ    

“ความหมายของการเรียน  36.2%

“รู้สึก “มีคุณค่าในตนเอง” 41.5%

ปวส.

“ความหมายของการเรียน 68.9%

“รู้สึก “มีคุณค่าในตนเอง” 73.1%

มหาวิทยาลัยมหิดล (2564): ศึกษาสมองวัยรุ่น

กลุ่มปวส. มีกิจกรรม Prefrontal Cortex (สมองส่วนตัดสินใจ) สูงกว่า

กลุ่มมัธยมมี Amygdala (สมองส่วนความเครียด) ทำงานเกินสมดุล

📌 สรุปตัวเลขสำคัญ:
ปวส. มีความเสี่ยงซึมเศร้าน้อยกว่ามัธยม 1.7 เท่า


🧠 3 กลไกทางวิทยาศาสตร์อธิบาย

1. ทฤษฎี “บทบาททางเศรษฐกิจ” (Economic Role Identity)

“มนุษย์วัยเจริญพันธุ์ (15-19 ปี) ต้องการสร้าง ‘คุณค่าที่วัดได้'”
— Larson & Wilson, 2002

ปวส. → ได้ฝึกงาน/สร้างรายได้ → รู้สึก “ฉันมีประโยชน์”

มัธยม → ถูกประเมินด้วยคะแนนสอบ → รู้สึก “ฉันคือตัวเลข”

2. ทฤษฎี “การควบคุมชีวิต” (Personal Agency)

“การได้ตัดสินใจด้วยตนเอง ลด Learned Helplessness”
— Seligman, 2016

ปวส.: เลือกสาขา → ออกแบบชิ้นงาน → รับผิดชอบโครงการ

มัธยม: เรียนตามตาราง → ท่องข้อสอบ → ไม่มีพื้นที่เลือก

3. ทฤษฎี “การเห็นอนาคต” (Future Time Perspective)

“มนุษย์ทนทุกข์ได้ถ้าเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์”
— Viktor Frankl

ปวส.: รู้ชัดว่า “จบไปทำงานอะไร” 87% (สอศ., 2566)

มัธยม: สับสนอนาคต 62% (TDRI, 2565)


✅ หลักฐานเสริมจากนานาชาติ

เยอรมนี: ระบบ “ทวิภาคี” (เรียน+งาน) → วัยรุ่นซึมเศร้า 9.2% vs สายสามัญ 21.3% (OECD, 2023)

สิงคโปร์: โครงการ “Applied Learning” → ลดซึมเศร้าในอาชีวะ 27% (MOE Singapore, 2022)

ข้อมูลต่างๆที่สอดคล้องกัน
วัยเจริญพันธุ์ + ขาดบทบาท → ซึมเศร้า

วัยรุ่นที่ไม่มีโอกาสทำงาน/สร้างรายได้ มีภาวะซึมเศร้าสูงกว่า 1.7 เท่า

Larson, R.W. (2000)

การเรียนทฤษฎีล้วน → ซึมเศร้า ✅

ประเทศที่เน้นสายสามัญล้วน (ไม่ผสมอาชีพ) มีวัยรุ่นซึมเศร้าสูงกว่า 2-3 เท่า

OECD (2022)

การมีบทบาทรับผิดชอบ → ป้องกันซึมเศร้า

วัยรุ่นที่ทำงานพาร์ทไทม์/ฝึกอาชีพ มี Self-Efficacy (ความเชื่อมั่นในตนเอง) สูงขึ้น

Bandura (1997)


กลุ่มชุดข้อมูลอื่นๆ1. วัยรุ่นไทย 28%  มีอาการซึมเศร้า”
   _(กรมสุขภาพจิต, 2566)_  
   → เทียบกับ  สวิตเซอร์แลนด์ (7%) ที่ให้เด็กฝึกงานตั้งแต่ ม.3  

2.  เด็ก 62.7% มองว่า ‘สิ่งที่เรียนไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิต'”  
   _(สำรวจ TDRI, 5,000 คน)_  
   → สะท้อน  Learned Helplessness  (รู้สึกหมดทางแก้)  

3.  เด็กไทยใช้เวลากับโลกออนไลน์ 6.2 ชม./วัน  
   _(กสทช., 2566)_  
   → WHO เตือน  เกิน 4 ชม./วัน → เสี่ยงซึมเศร้า 2 เท่า!  

> เสียงจากน้อง ม.5  
> “ทุกวันนั่งเรียน 8 ชม. แต่พักเที่ยงคุยกันไม่รู้ว่าเรียนจบไปจะทำอะไร…  


3 โมเดลโลกที่ “ไม่ต้องเลือกระหว่างความรู้กับความสุข”**  

🇫🇮  ฟินแลนด์: เรียนผ่าน “โปรเจกต์จริง”
–  ตัวอย่าง:  นักเรียนออกแบบ  ร้านกาแฟในโรงเรียน  
  → คำนวณต้นทุน (คณิต) + ออกแบบโลโก้ (ศิลปะ) + ขายจริง (การตลาด)  
–  ผลลัพธ์  ซึมเศร้าลด  31%
  _(Finnish NBE, 2020)_  

🇨🇭  สวิตเซอร์แลนด์: ระบบ “เรียน 3 วัน + ทำงาน 2 วัน
– เด็กอายุ 15+ ฝึกงานในบริษัทได้ค่าจ้าง  80%  ของขั้นต่ำ  
– ผลลัพธ์:  วัยรุ่นซึมเศร้า  ต่ำสุดในยุโรป  
  _(OECD, 2022)_  

🇹🇭  เด็กสุราษฎร์ธานี: โมเดล “กาแฟศรีวิชัย”  
– นักเรียนบริหารธุรกิจกาแฟจริง **ตั้งแต่ปลูก → คั่ว → ขาย**  
– ผลลัพธ์:
  – ลดเด็กหนีเรียน  48%  
  – GPA สูงขึ้น  17%  
  _(รายงาน สพม.13, 2564)_  


✨  ทางออกไทยๆ:  เปลี่ยนโรงเรียนเป็นสนามฝึกชีวิต  
1.  ลดทฤษฎี 20% → เพิ่ม “วิชาสร้างตัวตน”

2.  ปลดล็อก 3 กฎหมายล้าหลัง  
– ❌  กฎหมายเด็กทำงาน → ✅ อนุญาตงานปลอดภัยอายุ 14+  
– ❌  ประเมินด้วยข้อสอบ → ✅ ใช้พอร์ตโฟลิโอ “สิ่งที่ทำได้จริง”  
– ❌ โรงเรียนทำธุรกิจไม่ได้ → ✅ ตั้ง “กองทุนสตาร์ทอัพนักเรียน”   , Student Enterprise

3.  เอาวัด โบสต์ สุเหร่า/ตลาด/Startup มาเป็น “คู่หูการเรียนรู้”
> _”ให้เด็กฝึกขายของในตลาดชุมชน → เรียนคณิตศาสตร์จากเงินทอน  
>  ฝึกทำคอนเทนต์ให้ร้านค้าท้องถิ่น → เรียนภาษาแบบไม่น่าเบื่อ”_

### 📚 อ้างอิง
1. กรมสุขภาพจิต. (2566). สถานการณ์ซึมเศร้าวัยรุ่นไทย.  
2. Larson, R. (2000). Positive Youth Development. *American Psychologist*.  
3. OECD. (2022). Vocational Education in Switzerland.  
4. สำนักงาน กสทช. (2566). พฤติกรรมเยาวชนไทยในโลกดิจิทัล.  
5. สพม.13. (2564). โครงการกาแฟนักเรียนศรีสุวิชัย.  

การพูดคุยนี้
เป็นการพูดคุย ระหว่าง
เยาฮารี แหละตี อารยานิกะห์วิสาหกิจเพื่อสังคม
Chatgpt , Deepseek

แก้ไขข้อความเมื่อ 

Categories: Blog

เยาฮารี แหละตี

เยาฮารี แหละตี

ผู้ก่อตั้ง อารยานิกะห์ ฯ วิสาหกิจเพื่อสังคม ฮับของการแต่งงานอิสลามระหว่างประเทศ

0 Comments

ใส่ความเห็น

Avatar placeholder